เรื่อง การแยกสาร
การแยกสารเนื้อผสม
การแยกสาร หมายถึง กระบวนการทำให้สารผสมให้บริสุทธิ์โดยอาศัยความแตกต่างทั้งทาง กายภาพและทางเคมี มาใช้เป็นเกณฑ์ในการแยกสารผสม รวมทั้งต้องคำนึงถึง การที่แยกสารที่ผสมกันตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไปออกจากกัน เพื่อนำสารไปใช้ประโยชน์ตาม ต้องการ ซึ่งสามารถจำแนกได้คือ การแยกสารเนื้อผสม การแยกสารเนื้อเดียว
สารเนื้อผสม หมายถึง สารที่มีลักษณะเนื้อสารไม่ผสมกลมกลืนกันเป็นเนื้อเดียวกันเกิดจากสารอย่างน้อย 2 ชนิดขึ้นไปมาผสมกันโดยเนื้อสารจะแยกกันเป็นส่วน ๆใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การกรอง การใช้กรวยแยก การใช้อำนาจแม่เหล็ก การระเหิด การระเหยจนแห้ง ซึ่งเป็นการแยก สารโดยวิธีทางกายภาพทั้งสิ้น สารที่แยกได้จะมีสมบัติเหมือนเดิม
สารเนื้อเดียว เป็นสารทีเกิดขึ้นโดยทั่วไป มองเห็นเป็นเนื้อเดียวกันโดยตลอด แบ่งเป็น พวก ได้แก่ ธาตุ สารละลาย และสารประกอบ ในการแยกสารเนื้อเดียวที่อยู่ในรูปของสารละลายนั้น สามารถทำได้โดยวิธีการดังต่อไปนี้
การแยกสารเนื้อผสมมีดังนี้
1. การกรอง ( Filteration )
เป็นวิธีการแยกสารออกจากกันระหว่างของแข็งกับของเหลว หรือใช้แยกสารแขวนลอยออก จากน้ำ ซึ่งใช้กันมากในทางเคมี โดยเฉพาะในห้องปฏิบัติการที่กรองสารในปริมาณน้อย ๆ การกรองนั้นจะต้องเทสารผ่านกระดาษกรอง อนุภาคของแข็งที่ลอดผ่านรูกระดาษกรองไม่ได้จะอยู่บนกระดาษกรอง ส่วนน้ำและสารที่ละลายน้ำที่ได้มีลักษณะใส เช่น กรองนำ้เชื่อม กรองกะทิ กรองนำ้ กรองชากาแฟ อุปกรณ์ที่ใช้ในการกรอง คือ กระชอน ผ้าขาวบาง กรวยกรอง กระดาษกรอง
เป็นการแยกสารที่เ ซึ่งมีรูขนาดเท่าๆกัน เพื่อแยกวัสดุที่ เป็นของแข็ง ที่มีอนุภาคของสารมีขนาดแตกต่างกันโดยใช้ตะแกรง
ซึ่งมีรูขนาดเท่าๆกัน เพื่อแยกวัสดุที่มี ขนาดแตกต่างกันออกจากกัน การคัดขนาดเช่น การร่อนแป้ง ร่อนทราย ร่อนทอง ร่อนแร่ โดยมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการร่อน คือ ตะแกรง
3. การตกตะกอน ( Sedimentation )
คือแยกของผสมเนื้อผสมที่เป็นของแข็งแขวนลอยอยู่ในของเหลว ทำได้โดยนำของผสมนั้นวางทิ้งไว้ให้สารแขวนลอยออกจากของเหลวค่อย ๆ ตกตะกอนนอนก้นมาก ถ้าต้องการให้ตกตะกอนเร็วขึ้นอาจทำได้โดย ใช้สารตัวกลางให้อนุภาค ของตะกอนมาเกาะ เมื่อมีมวลมากขึ้น น้ำหนักจะมากขึ้นจะตกตะกอนเร็วขึ้น เช่น การแกว่งสารส้ม อนุภาคของสารส้มจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้โมเลกุลของสารที่ต้องการตก ตะกอนมาเกาะเร็วขึ้น
4. การใช้กรวยแยก
เป็นวิธีที่ใช้แยกสารเนื้อผสมที่เป็นของเหลว 2 ชนิดที่ไม่ละลายออกจากกัน โดยของเหลวทั้งสองนั้นแยกเป็นชั้นเห็นได้ชัดเจน เช่น น้ำกับน้ำมัน เป็นต้น การแยกโดยวิธีนี้ จะนำของเหลวใส่ในกรวยแยก แล้วไขของเหลวที่อยู่ในชั้นล่างซึ่งมีความหนาแน่นมากกว่าชั้นบนออกสู่ภาชนะจนหมด แล้วจึงค่อย ๆ ไขของเหลวที่ที่เหลือใส่ภาชนะใหม่
5. การใช้มือหยิบออกหรือเขี่ยออก
ใช้แยกของผสมเนื้อผสม ที่ของผสมมีขนาดโตพอที่จะหยิบออกหรือเขี่ยออกได้เช่น ข้าวสารที่มีเมล็ดข้าวเปลือกปนอยู่ ข้าวเหนียวถั่วดำ การแยกลูกปัดหลายสี
6. การใช้อำนาจแม่เหล็ก
เป็นวิธีที่ใช้แยกองค์ประกอบของสารเนื้อผสมซึ่งองค์ประกอบหนึ่งมีสมบัติในการ ถูกแม่ เหล็กดูดได้ เช่น ของผสมระหว่างผงเหล็กกับผงกำมะถัน โดยใช้แม่เหล็กถูไปมาบนแผ่นกระดาษที่วางทับของผสมทั้งสอง แม่เหล็กจะดูดผงเหล็กแยกออกมา
7. การระเหยแห้ง ( Dry eveporation )
ใช้แยกสารผสมที่เป็นของเหลวที่มีของแข็งละลายในของเหลวนั้น จนทำให้สารผสม มีลักษณะใส เช่น เมื่อนำเกลือแกงซึ่งเป็นของแข็งมาละลายในน้ำ จะได้ของผสมเนื้อ เดียวกัน เรียกว่า สารละลายเกลือแกง โดยให้ความร้อน เพื่อระเหยน้ำออกไป สิ่งที่เหลืออยู่ในภาชนะคือตัวถูกละลาย ที่เป็นของแข็งคือ เกลือแกง
8. โครมาโตกราฟี (Chromatography)
เป็นการแยกสารเนื้อเดียวออกจากกันให้เป็นสารบริสุทธิ์ โดยอาศัยหลักการที่ว่าสารแต่ละชนิดมีความสามารถในการละลาย
ต่างกันและถูกดูดซับต่างกัน จึงทำให้สารแต่ละชนิดแยกออกจากกันได้ จึงต้องอาศัยสมบัติของสารดังนี้
ประโยชน์ของโครมาโตกราฟี
1. ใช้ในการแยกสารเนื้อเดียวที่มีส่วนผสมหลาย ๆ ชนิด ให้ได้เป็นสารบริสุทธิ์
2. ใช้ในการวิเคราะห์หาปริมาณและชนิดของสาร
3. ใช้ทดสอบหรือแยกสารตัวอย่างที่มีปริมาณน้อย ๆ ได้
4. ใช้แยกสารได้ทั้งสารที่มีสีและไม่มี
9. การกลั่น
เป็นกระบวนการที่ทำให้ของเหลวได้รับความร้อนจนกลายเป็นไอ ทำให้แยกตัวทำละลายและตัวถูกละลายที่ต่างก็เป็นของเหลวออกจากกันได้โดยอาศัยความแตกต่างกัน ของจุดเดือด การกลั่นจะใช้ได้ผลต่อเมื่อตัวทำละลายและตัวถูกละลายเดือดที่อุณหภูมิต่างกัน เช่น การแยกน้ำจากน้ำทะเล การแยกน้ำจากน้ำคลอง การแยกน้ำจากน้ำเกลือ หรือ น้ำเชื่อม
4. การตกผลึก
เป็นกระบวนการแยกของแข็งที่ละลายในตัวทำละลายที่เป็นของเหลว โดยทำให้เกิดการตกตะกอนเรียกว่าสารแขวนลอย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น